ข่าวสารอัพเดต : 13-May-2021

    ไตรมาสแรกปี 64 ของ  ILINK เปิดตัวสวยรายได้รวม  1,336 ลบ. กำไร 93 ลบ. เพิ่มขึ้น 21% กำไรโตไม่หวั่นสถานการณ์ Covid-19 มั่นใจรายได้ธุรกิจจัดจำหน่ายและธุรกิจโทรคมนาคมพุ่ง โตรับกระแส Digital ลุยสร้าง New-S curve งานล้นมือชิงประมูลงานใหม่ภาครัฐและเอกชนเพียบ หนุนรายได้ทั้งปีทะลุ 6,000 ลบ. คาดกำไรทั้งปีพุ่งก้าวกระโดด


    นายสมบัติ  อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ ILINK  ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและผู้นำเข้าและค้าส่งอุปกรณ์เครือข่ายส่งสัญญาณ เปิดเผยว่า “สำหรับผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 นั้น กลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ ฯ มีรายได้รวมจำนวน 1,336 ล้านบาท ลดลงเพียงเล็กน้อย 0.93% เมื่อเปรียบเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% ทำให้มั่นใจได้ว่าแนวโน้มรายได้ในปี 2564 จะเป็นไปตามเป้าที่ 6,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2563 จำนวน 0.14 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 นี้”


    ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Distribution) ไตรมาสแรกมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 562 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%  และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเปรียบเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวมการดำเนินธุรกิจดีขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มการก่อสร้างโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความต้องการสายสัญญาณ (Cabling) และอุปกรณ์ส่งสัญญาณ (Networking) เพื่อเชื่อมต่อระบบสื่อสารภายในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ส่งผลต่อยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และสินค้ากลุ่มสายสัญญาณ (Cabling) ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะสายโซล่าที่ยอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 10 เท่าตัว เป็นเทรนด์อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ที่กำลังมาแรง ถือเป็นอีกผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทฯ ที่โดดเด่น หนุนรายได้ของธุรกิจจัดจำหน่าย ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของ ILINK  ที่มีสัดส่วนรายได้ 42% ของรายได้รวม นอกจากนี้หลังจากที่ ILINK ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับกลยุทธ์ภายในองค์กรมากขึ้น รวมทั้งการจัดกิจกรรมการตลาดในรูปแบบออนไลน์ สะท้อนถึงต้นทุนในการขายสินค้าและบริการที่ลดลงถึง 21% ส่งผลต่อภาพรวมกำไรของธุรกิจจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว


    ธุรกิจโทรคมนาคม (Telecom) ยังคงการเติบโตที่โดดเด่น ไตรมาสแรกมีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 496 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเปรียบเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ มี รายได้จากการให้บริการให้เช่าวงจรโครงข่ายเพิ่มขึ้น 12%  และรายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายเพิ่มขึ้น 6% โดยในปีนี้ บริษัทฯ พร้อมลุยงานที่จะสร้าง New-S curve ใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจด้วยการบริการ “Social Data & Social Analytic” บริการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้บริการตามความต้องการของผู้ใช้บริการ (Customization) และบริการ “Drone & Anti-drone” บริการโซลูชั่นโดรน และใช้งานให้การตรวจสอบในพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ยากจะเข้าถึง โดยกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มภาครัฐตำรวจ ทหาร เป็นต้น บริษัทฯ จะเข้าประมูลงานโครงการมีมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 2/2564 นี้


    ธุรกิจวิศวกรรม (Engineering) มีรายได้รวมอยู่ที่ 263 ล้านบาท มาจากการทยอยรับรู้รายได้จากในงานสำคัญๆ ในมือ (backlog) จากโครงการภาครัฐและเอกชนกว่า 900 ล้านบาทและจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนสิ้นปีนี้ อาทิ งานโครงการ CC4 งานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM), โครงการก่อสร้างสายส่งเคเบิลใต้ดิน จ. เชียงใหม่, โครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยสวนผึ้ง จ.ราชบุรี และ อ. วชิรบารมี จ.พิจิตร, โครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี จ.น่าน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่บริษัทฯ จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรจากธุรกิจนี้ เนื่องจากไม่มีต้นทุนเพิ่มใดๆ ของงานโครงการ CC3 ที่เหลือการรับรู้รายได้เพียง 3% เท่านั้น นอกจากนี้บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาสายส่งแรงสูงจังหวัดตรัง มูลค่า 317 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของบริษัทฯ ทั้งสิ้น 147 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จะรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ และรอผลการประมูลงานอีก 4 โครงการ กว่า 800 ล้านบาท อาทิ งานวางระบบสายเคเบิ้ลใต้น้ำแม่น้ำเจ้าพระยา, งานระบบไฟฟ้าสายเคเบิลใต้น้ำเกาะปันหยี, งานก่อสร้างสายส่งใต้ดิน จ.ขอนแก่น, งานสถานีไฟฟ้าย่อย เชื่อม เชียงใหม่-สุพรรณบุรี-สกลนคร เป็นต้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในครึ่งปีแรกนี้ หนุนให้ผลการดำเนินงานปีนี้ของธุรกิจเติบโตดีขึ้น